Buscar

วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

The parents came to me ฉันทำร้ายลูก


 พ่อ แม่ รังแก ฉัน
พ่อแม่บางคน ()
ทำร้ายลูกด้วยการรักเขามากเกินไป ผลก็คือ เกิดภาวะรักจนหลง ลูกของตนถูกทุกอย่าง ลูกของตนดีกว่าคนอื่นเสมอ อันส่งผลให้ลูกกลายเป็นคนมีอัตตาสูง เชื่อมั่นตนเองในทางที่ผิด ชอบดูถูกคน เป็นตัวปัญหา แต่ไม่ยอมรับว่า ตนเป็นคนสร้างปัญหา
พ่อแม่บางคน ()
ทำร้ายลูกด้วยการตามใจเขามากเกินไป ผลก็คือ พ่อแม่กลายเป็นข้าช่วงใช้ของลูก ส่วนลูกกลายเป็นลูกบังเกิดเกล้าที่พ่อแม่ต้องยอมให้เขาทุกอย่าง ที่หนักกว่านั้น ก็คือ ถ้าพ่อแม่ไม่ยอมตามที่ลูกต้องการ ลูกบางคนก็ถึงขั้นทุบตีทำร้ายพ่อแม่
พ่อแม่บางคน ()
ทำร้ายลูกด้วยการไม่กล้าห้ามปรามสั่งสอนเมื่อลูกทำผิด ทำเลว ทำบาป ผลก็คือ ลูกสูญเสียสามัญสำนึก แยกแยะถูกผิด ดีชั่ว ไม่เป็น มองไม่เห็นเส้นแบ่งทางจริยธรรมว่า ดีเป็นอย่างไร ชั่วเป็นอย่างไร จึงกลายเป็นนักเลงอันธพาลระรานคนเขาไปทั่ว
พ่อแม่บางคน ()
ทำร้ายลูกด้วยการให้เงินลูกเพียงอย่างเดียว ผลก็คือ ลูกไม่รู้จักคุณค่าของเงิน ไม่เห็นคุณค่าของผู้ที่หา/และให้เงิน ยิ่งได้เงินมาก ยิ่งผลาญเงินเก่ง มีเงินเท่าไหร่ก็ไม่พอใช้ และทั้งๆ ที่ใช้จ่ายเงินสูง แต่กลับมีคุณภาพชีวิตต่ำ
พ่อแม่บางคน ()
ทำร้ายลูกด้วยการไม่ยอมให้ลูกเรียนรู้ที่จะพึ่งตนเอง เกรงว่าหากให้ลูกทำอะไรด้วยตนเองแล้วเขาจะลำบาก ผลก็คือ เมื่อโตขึ้น ลูกกลายเป็นลูกแหง่ที่พึ่งตนเองไม่ได้ ทำอะไรด้วยตนเองไม่เป็น ยิ่งเติบโตยิ่งเป็นตัวปัญหาของสถาบันครอบครัว
พ่อแม่บางคน ()
ทำร้ายลูกด้วยการไม่ยอมส่งเสริมให้ลูกได้รับการศึกษาที่ดี มัวแต่สนใจลงทุนในการทำธุรกิจเป็นร้อยเป็นพันล้าน แต่ไม่รู้จักลงทุนในการสร้างลูกให้เป็นปัญญาชน ผลก็คือ ลูกเติบโตแต่ตัว แต่ทว่ามีสติปัญญาที่ต่ำต้อย ขาดทักษะการคิด การใช้เหตุผล การทำงาน การเข้าสังคม เขาไม่เพียงแต่ไม่สามารถร่วมเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมเท่านั้น แต่ยังสร้างปัญหาให้สังคมอีกต่างหาก
พ่อแม่บางคน ()
ทำร้ายลูกด้วยการมุ่งทำแต่งานสังคมสงเคราะห์นอกบ้าน โดยลืมไปว่า คนที่ตนต้องสงเคราะห์ก่อน ดูแลก่อน ต้องให้ความรักก่อน ก็คือลูก ผลก็คือ แม้จะกลายเป็นนักสังคมสงเคราะห์ที่ประสบความสำเร็จนอกบ้าน สังคมสรรเสริญ แต่กลับเป็นพ่อแม่ที่ล้มเหลวในบ้าน และลูกกลายเป็นเด็กที่ขาดความรัก ความอบอุ่น ไม่พร้อมจะแบ่งปันความรักและความอบอุ่นให้กับใคร
พ่อแม่บางคน ()
ทำร้ายลูกด้วยการไม่รู้จักยกย่องชมเชยลูกเมื่อเขาประสบความสำเร็จในการเรียน ในการทำงาน หรือในการทำกิจกรรมใดๆ ก็ตาม ผลก็คือ ลูกกลายเป็นคนใจคอคับแคบ ยกย่องชมเชยใครไม่เป็น เมื่อเห็นคนอื่นได้ดีมีความสำเร็จ เขาจึงเป็นนักอิจฉาริษยาตัวฉกาจ ที่จ้องแต่จะหาทางทำลายคุณงามความดีของคนอื่น
พ่อแม่บางคน ()
ทำร้ายลูกด้วยการไม่รู้จักสอนเขาให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ ผลก็คือ เมื่อโตขึ้น เขาจึงพร้อมจะผละหนีพ่อแม่ไปอย่างไม่รู้สึกผิด ไม่เห็นความจำเป็นว่า การเป็นลูกที่ดีนั้น จะต้องกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ของตนอย่างไร
พ่อแม่บางคน (๑๐)
ทำร้ายลูกด้วยการไม่สอนลูกให้รู้จักการบำเพ็ญตนเป็นผู้ให้ ผลก็คือ เมื่อโตขึ้น เขาจึงกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ คิดแต่จะกอบโกย คิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตัวจนมองไม่เห็นหัวคนอื่น แทนที่จะถือหลัก ยิ่งรวยยิ่งให้ ยิ่งได้ยิ่งแบ่งปันกลับถือหลัก ยิ่งรวยยิ่งคอร์รัปชั่น ยิ่งแบ่งปันยิ่งสูญเปล่า
พ่อแม่บางคน (๑๑)
ทำร้ายลูกด้วยการไม่ยอมให้ลูกรู้จักตัดสินใจด้วยตนเอง ผลก็คือ ลูกกลายเป็นคนขาดความเชื่อมั่นในตนเอง ไม่กล้าคิด ไม่กล้าพูด ไม่กล้าทำอะไร ส่งผลให้ไร้ภาวะผู้นำ ต้องเดินตามคนอื่นโดยดุษฎี
พ่อแม่บางคน (๑๒)
ทำร้ายลูกด้วยการไม่สอนให้ลูกรู้จักสมบัติของผู้ดี ผลก็คือ เขากลายเป็นคนหยาบกระด้างทั้งทางกาย ทางใจ ใจคอโหดหินทมิฬชาติ ขาดความสุภาพอ่อนน้อม ขาดสัมมาคารวะ ไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่รู้จักประมาณตน ครองตน ครองคน ครองงานไม่เป็น ไม่เห็นคุณค่าของระเบียบประเพณี กฎหมาย จรรยาจารีตของสังคม ไม่เคารพในศักดิ์ศรีแห่งความเป็นคนของเพื่อนมนุษย์
พ่อแม่บางคน (๑๓)
ทำร้ายลูกด้วยการไม่แนะนำให้ลูกรู้จักคบเพื่อนที่เป็นกัลยาณมิตร (เพื่อนแท้) ผลก็คือ รอบกายของเขาจึงมีแต่ปาปมิตร (เพื่อนเทียม) คอยประจบสอพลอ คอยหลอกล่อ ให้ทำความเลวทรามต่ำช้า ติดสุรา ยาเสพติด นำพาชีวิตไปในทางเสียหาย ตกอยู่ใต้วังวนของอบายมุข สนุกสนาน ไม่สนใจหาแก่นสารให้กับชีวิต
พ่อแม่บางคน (๑๔)
ทำร้ายลูกด้วยการไม่รู้จักสร้างสภาพแวดล้อมให้ลูกเป็นคนรักการอ่าน รักการเขียน รักการเรียนรู้ รักการเดินทาง ปล่อยให้เขาศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเองไปตามยถากรรม ผลก็คือ เขากลายเป็นคนหูตาคับแคบ ขาดความรู้พื้นฐาน ขาดความรู้รอบตัว ขาดความกระตือรือร้น ไม่มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ การคิด พูด ทำ ไม่เฉลียวฉลาดปราดเปรื่อง ขาดความแหลมคม ตามไม่ทันโลก ตกข่าว เป็นคนว่างเปล่าทางความรู้ (รอบตัว) ความคิด จิตใจ และไม่มีรสนิยมอย่างอารยชน
. วชิรเมธี
กาฐมัณฑุเนปาล
๒๙ มกราคม ๒๕๕๒

www.Dhammatoday.com

วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

คุณแม่ที่กำลังจะกิน ยาลดความอ้วน

                   เรื่องมีอยู่ว่า มีเพื่อนมาชวนพาลูกๆ ไปเล่นน้ำที่สวนน้ำแห่งหนึ่งบนห้าง ด้วยเราเป็นคนที่รักลูก และอยากให้ลูกไปเที่ยวอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าคนเป็นแม่ต้องใส่ชุดว่ายน้ำเพื่อลงไปเล่นน้ำกับลูกด้วย นี้แหละคือประเด็นเลยค่ะ ทำงัยดี เราอายค่ะ เพราะว่าเราอ้วนและไม่มีความมันใจเลยที่จะใส่ชุดว่ายน้ำ เพื่อนจึงแนะนำว่า
                    เคยกินยาละลายไขมันหน้าท้องไหม เราบอกว่าไม่เคย มันเป็นงัยอ่ะ เพื่อนก็เลยแนะนำด้วยความภูมิใจเลยค่ะ ว่ามันเป็นยานำเข้าจากเกาหลี กินวันละ 1 เม็ดก่อนนอน มันจะทำงานขณะเราหลับ เหมือนเรากำลัง ซิดอับหน้าท้อง 100 ครั้ง ซึ่งเพื่อนคนนี้กินยาแล้วไม่มีผลข้างเคียงอะไรเลย แค่ให้ดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อที่จะได้ขับไขมันออกทางปัสวะนั้นเอง ซึ่งเพื่อนสามารถการันตีได้ดี เพราะเขาผอมและสวยขึ้น กว่าเมื่อ เดือนที่แล้วที่เราเจอ เราก็ยังถามกับไปว่า มี อ.ย. หรือเปล่า ปลอดภัยแค่ไหน เขาบอกว่ามี ปลอดภัยมาก เพราะเขาซื้อจากคุณหมอ เราก็อยากใส่ชุดว่ายน้ำ แล้วก็อยากจะผอมเพื่อประชดสามีด้วย จึงตกลงกับเพื่อนเก็บเป็นความลับ แล้วฝากซื้อ 20 เม็ด ก่อนเพื่อลองกินดู เพื่อนยังบอกอีกว่า ถ้าแพ้ (ซึ่งเรารับประกันว่าไม่แพ้) เราจะซื้อยาคืนเขาจะเอาไปใ้หเพื่อนคนอื่น เพราะมีเพื่อนที่ถูกแนะนำอีกหลายคนกินแล้วก็ไม่มีใครมีปัญหาอะไร เราก็ยิ่งรู้สึกมั่นใจว่ามีคนกินหลายคน แล้วไม่เป็นไร            
                   อีก 2 วันต่อมา เพื่อนก็เอายามาให้
                   ยาเม็ดแรกที่ ตอน 3 ทุ่ม แล้วก็นอน แอะ! ทำไม ทำไม นอนไม่หลับหละ  เทียงคืนแล้ว  ตี 3 แล้ว  6โมงเช้าแล้ว  หรือว่าเป็นเพราะกาแฟลดน้ำหนักยี่ห้อ หนึ่ง ที่เรากินวันนี้นะ แต่ปกติแล้วก็กินกาแฟสดทุกวันไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลย    หาอะไรกินเป็นมื่อเช้าสักหน่อย กินกาแฟแล้วกัน ตอนเทียงค่อยกินข้าว
อ้าวเทียงแล้วหรือ ทำไมไม่หิวเลยเนอะ แต่ต้องกินเดียวจะผอมเร็วเกินไป ซื้อข้าวผัดมากิน กินได้ประมาณ 1 ใน 3 ของกล่อง ก็ไม่อยากกินแล้ว ดีจัง ปกติต้องหมดกล่อง  ว้ายถึงมือเย็นแล้วหรือเนี้ย ป้อนข้าวลูกสาวก่อนนะ กินข้าวลูกที่เหลือนี้แหละ3คำอิ่ม
                   ยาเม็ดที่ 2  ตอน 3 ทุ่ม และแล้วคืนนี้ทั้งคืนก็นอนไม่หลับอยู่ดี จนเช้า แต่ร่างกายก็ยังโอเคนะ หมายถึง ไม่เห็นง่วงตอนกลางวันเลย แต่วันนี้รูกสึกปากแห้ง หิวน้ำตลอดทั้งวัน แล้วก็หิวข้าว แต่กินข้าวได้นิดเดียว
                   ยาเม็ดที่ 3,4,5 อาการเหมือนเดิมคือนอนไม่หลับ หิวน้ำ ปากแห้ง มีกลิ้นปาก ร่ายการเหมือนร้อนใน และ ใจสั้น และเริ่มมีอาการคิดมาก วิตกกังวล จึงโทรไปถามเพื่อน เพื่อนบอกให้กินน้ำเยอะๆ ไม่เป็นไรหรอก แต่นอนไม่หลับไม่น่าเกียวนะ ไปทำอย่างอื่นมาหรือเปล่า
                    ตัดสินใจหาข้อมูลใน net จึงได้คำตอบแน่นอนแล้ว ว่ายาที่เพื่อนให้กิน คือยาลดความอ้วนที่ออกฤทธิ์บังคับที่สมองไม่ให้กินได้ คือยาเฟนเตอมีน เพราะมีผลข้างเคียงต่อระบบหัวใจ และ หลอดเลือด และยาดังกล่าว ยังมีผลข้างเคียงอื่นๆ อีก ได้แก่ นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ ความดันโลหิตสูง กระวนกระวาย หัวใจเต้นเร็วใช้ไปนานๆ อาจถึงขึ้นติดยาได้ หรือ ทำให้น้ำหนักที่ลดลงคืนกลับมาอีก รวมทั้งพบอาการอื่นๆ อีก คือ ปากแห้ง อาเจียน ท้องผูก เหงื่อออก ใจสั่น ม่านตาขยาย ประสาทหลอน อาจทำให้เกิดโรคจิตได้ ในรายที่มีอาการรุนแรง จะพบว่า มีไข้สูง เจ็บหน้าอก การไหลเวียนของเลือดล้มเหลว ชัก โคม่า และ เสียชีวิตได้   (จากไทยรัฐ) จึงฟันธงได้เลยว่าเราโดนหรอก แต่ไม่โกรธเพื่อนนะ เพราะมันใจได้เลย เพื่อนโดยหรอกมากอีกที่ จะเอางัยดีหละ ข้อมูลบอกไว้ว่าหยุดยาเลยก็ไม่ได้เพราะจะทำให้เกิด ผลร้ายกว่าคือจะอ้วนมากกว่าเดิมอีก 




ยังไม่จบนะค่ะ รอติดตามค่ะ